กระดังงา
* จัดเป็นไม้เลื้อยทรงพุ่มขนาดกลางและใหญ่ ลักษณะเป็นพุ่มทรงโปร่ง ออกดอกตลอดทั้งปี ลักษณะการแตกกิ่งก้านจะลู่ลงด้านล่าง บางชนิดจะเป็นเถาเลื้อยลำต้นสูงประมาณ 15-25 เมตร เปลือกต้นเกลี้ยงมีสีน้ำตาลและสีเทา โคนต้นมีปุ่มเล็กน้อยแตกกิ่งสาขามาก เป็นพันธุ์ไม้หอมที่ต้องการพื้นที่ในการปลูกมาก ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการตอนกิ่งและการเพาะเมล็ด มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เอเซียเขตร้อนในแถบของประเทศฟิลิปปินส์และประเทศอินโดนีเซีย
กระดังงากับความเชื่อของคนไทย
คนไทยโบราณเชื่อว่าบ้านใดที่ปลูกต้นกระดังไว้ประจำบ้านจะช่วยทำให้มีชื่อเสียงโด่งดัง เนื่องจาก “กระดัง” คือการทำให้เกิดเสียงดังไปไกล นอกจากนี้ก็ยังเชื่ออีกว่า เสียงดังเหมือนกับนกการะเวกในสมัยพุทธกาลที่มีเสียงดังไพเราะและก้องไกลทั่วสวรรค์ ดังนั้นบางคนจึงเรียกกระดังงาว่า การะเวก
สรรพคุณของกระดังงา
1. ใช้เป็นยาบำรุงธาตุในร่างกาย (ดอก)
2. ใช้เป็นยาชูกำลัง แก้อาการอ่อนเพลีย ทำให้ชุ่มชื่น (ดอก)
3. ดอกใช้เป็นยาบำรุงโลหิต (ดอก)
4. ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ (ดอก)
5. ช่วยแก้อาการไข้เนื่องจากโลหิตเป็นพิษ (ดอก)
6. ดอกใช้ปรุงเป็นยาหอม ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะได้ (ดอก)
7. ช่วยบำรุงประสาทและช่วยสงบประสาท (น้ำมันหอมระเหย)
8. ช่วยแก้อาการซึมเศร้า กระวนกระวายใจ (น้ำมันหอมระเหย)
9. ช่วยลดความดันโลหิตได้ (น้ำมันหอมระเหย)
10. ช่วยแก้หอบหืดได้ (น้ำมันหอมระเหย)
11. ช่วยแก้อาการท้องเสีย (เปลือกต้น)
12. ช่วยขับลม (น้ำมันหอมระเหย)
13. เปลือกต้นรสเฝื่อนใช้เป็นยาขับปัสสาวะ (เปลือกต้น,เนื้อไม้,น้ำมันหอมระเหย)
14. ช่วยแก้ปัสสาวะพิการได้ (เปลือกต้น,เนื้อไม้)
15. ใช้เป็นยาฆ่าเชื้อโรคได้ (น้ำมันหอมระเหย)
16. ดอกกระดังงาจัดอยู่ในเครื่องยาไทยที่เรียกว่า “พิกัดเกสรทั้ง 7” และ “พิกัดเกสรทั้ง 9”
17. ดอกกระดังงามีปรากฏในตำรายาแผนโบราณ ชื่อคัมภีร์มหาโชติรัตน์ ยาชื่อมาลาสันนิบาต ซึ่งมีสรรพคุณช่วยแก้ลมจุกคอ แก้อาการแน่นหน้าอก แก้จุกเสียกและแก้สะอึก (ดอก)

อ้างอิง
http://frynn.com/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น